คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า สาเหตุหลักของความอ้วน หรือการมีปริมาณคอเลสเตอรอลเกินมาตรฐานเป็นผลมาจากปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไป ตามมาด้วยการไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เมื่อมีใครทักเราว่าอ้วนจัง เราก็มักจะตอบว่า “ช่วงนี้กินเยอะ หนักหมูกระทะไปหน่อย บุฟเฟต์ถี่ยิบ กินแล้วก็นอนไม่ได้ออกกำลังกาย ” อีกหลายคนก็สงสัยว่ากินวันละมื้อสองมื้อเองทำไมถึงอ้วนได้นะ หรือแม้แต่คนผอมที่เคร่งครัดอาหารการกินและยังออกกำลังกายระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ทำไมคอเลสเตอรอลยังเกินมาตรฐานอีก อ้วนก็เป็นปัญหา ผอมก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ว่าแต่นอกจากการกิน การออกกำลังกายแล้ว ยังมีอะไรที่ส่งผลต่อความอ้วน และปัญหาคอเลสเตอรอลได้อีกล่ะ

หลังจากได้ลองศึกษาหาที่มาที่ไปของสาเหตุความอ้วนมาระดับหนึ่งจึงพบว่า นอกจากการกิน และการออกกำลังกายข้างต้นแล้วพบว่า การนอนน้อย เป็นปัญหาใหญ่ไม่น้อยไปกว่าการกินไม่เป็น และขี้เกียจออกกำลังกายเลย ทำไมนอนน้อยจึงเป็นปัญหาได้ละ

การนอนน้อยจะถูกเข้าใจ และจดจำว่าทำให้แก่เร็ว หน้าเหี่ยว ไม่สดชื่น สมองทึบทึม นี่เป็นผลลัพธ์ของการนอนน้อยที่เราสัมผัสได้ชัดและรับรู้ได้ทันทีที่นอนต่ำกว่า 8 ชั่วโมง แท้จริงแล้วการนอนน้อยต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลายาวนาน จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของฮอร์โมน 2 ชนิด ที่ชื่อว่า เลปติน (leptin) และเกรลิน (ghrelin) เรามาดูการทำงานของฮอร์โมนทั้งสองตัวนี้

เลปติน ทำหน้าที่ส่งสัญญาณความรู้สึกอิ่มและพอ เมื่อมีปริมาณเลปตินในกระแสเลือดสูงความอยากอาหารจะถูกระงับทำให้เราไม่รู้สึกอยากกิน

เกรลิน (ghrelin) จะทำหน้าที่ในทางตรงกันข้าม มันจะกระตุ้นความรู้สึกหิวอย่างรุนแรง และแน่นอนว่าความอยากอาหารก็จะทวีขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ยังพบว่าการอดนอนยังส่งผลให้ระดับเอนโดแคนนาบินอยด์ (endocannabinoid) ในกระแสเลือดสูงขึ้น มันเป็นกลุ่มสารเคมีลักษณะคล้ายยาเสพติดเช่นเดียวกับกัญชา (cannabis) ซึ่งจะยิงตรงไปกระตุ้นความอยากอาหาร และเพิ่มความรู้สึกอยากกินขนมขบเคี้ยวเกิดอาการกินจุบกินจิบทั้งวัน และเมื่อเรานอนน้อยจะทำให้ระดับ เกรลิน และเอนโดแคนนาบินอยด์ เพิ่มขึ้นจะทำให้เกิดแรงผลักไปสู่การกินเกินขนาด

นอกจากนี้ยังมีความเข้าใจผิดอีกว่า การที่เรานอนน้อยร่างกายเรายังเคลื่อนไหว สมองเรายังทำงานต่อเนื่องอยู่ ระบบเผาผลาญน่าจะทำงานได้ดีกว่าทีเราเข้านอนเร็ว แต่จากผลงานวิจัยพบว่า การได้นอนหลับอย่างเพียงพออย่างน้อยแปดชั่วโมงสามารถทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ถึงแม้ว่าขณะที่เรายังไม่นอนร่างกายจะมีโอกาสเผาผลาญเพิ่มขึ้นได้ก็จริง แต่ปริมาณแคลอรีที่เผาผลาญเมื่อเปรียบเทียบกับที่นำเข้าไปนั้นมันเป็นสัดส่วนที่ยังไม่สามารถจะพาร่างกายพ้นขีดปลอดภัยได้ และนี่น่าจะเป็นคำตอบสำหรับคนผอมแต่ยังคงพบว่าคอเลสเตอรอลเกินและดูไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด โดยเฉพาะคนผอมที่เริ่มสูงวัยผ่านหลักสี่ไปถึงหลักห้าขึ้นไประบบเผาผลาญตามธรรมชาติของร่างกายจะเริ่มเสื่อมสลายลงไปนอกจากกินให้เป็น ออกกำลังกายให้พอแล้วการเข้านอนเร็วขึ้น และนอนให้เพียงพอจะเป็นตัวช่วยสำคัญในเผาผลาญและพยุงระดับคอเลสเตอรอลไว้ในระดับที่เหมาะสมได้

จากงานวิจัยหลายชิ้นแนะนำว่าเวลาที่ควรจะเข้านอนคือ ก่อน 4 ทุ่ม หรือเวลาที่เหมาะสมสำหรับการนอนคือสี่ทุ่มถึงหกโมงเช้าเป็นอย่างน้อย การเข้านอนในช่วงเวลานี้ร่างกายจะมีการหลั่งสารเมลาโทนินที่จะทำให้เราหลับสนิท สารซีโรโทนิน ที่จะช่วยให้เราผ่อนคลายจากเรื่องราวที่ผ่านมาในแต่ละวัน สารเอโดรฟิน (สารความสุข) จะหลั่งออกมาช่วยทำให้เราหลับสนิทมากขึ้น และโดยเฉพาะหากฝึกนั่งสมาธิก่อนนอนจะเป็นตัวช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย จิตใจสงบลง และเป็นตัวเร่งสารความสุขให้เพิ่มขึ้นอย่างได้ผลด้วย และที่สำคัญยังช่วยฟื้นฟูตับได้อีกด้วย จำนวนชั่วโมงนอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมงจะช่วยให้การตื่นขึ้นมาอีกครั้งเต็มไปด้วยความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ปลอดโปร่งสัมผัสกับมหัศจรรย์ยามเช้าได้อย่างน่าทึ่ง และช่วงเวลานี้แหละคือ ช่วงเวลาทองของแต่ละวันที่เราไม่ควรพลาด

ถึงตอนนี้คงทราบกันแล้วว่า การนอนน้อย เป็นตัวการใหญ่อีกตัวการหนึ่งที่ทำให้โรคอ้วนมาเยือน ใครที่กำลังเผชิญกับภาวะโรคอ้วน และคอเรสเตอรอลสูงเกินมาตรฐาน คงต้องหันมาวางแผน และจัดการระบบการนอนของตนเองอย่างจริงจังเพื่อรักษาสมดุลในการทำงานของร่างกายให้เป็นไปตามธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้จากการนอนเพียงพอไม่เพียงจะได้หุ่นดี สุขภาพแข็งแรง ปลอดจากโรคอันตรายแล้ว ยังช่วยให้แก่ช้า หน้าเด็ก และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของ Growth Hormone ในวัยเด็ก ทำให้การเจริญเติบโตสมวัย ได้ความสูงตามมาตรฐานอีกด้วย