อาการนอนไม่หลับเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในวัยทำงาน โดยเฉพาะในช่วงไวรัสโควิดระบาด ที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคม ทำให้เกิดการว่างงาน ทำให้รายได้ผู้คนลดลง จึงเครียดและนอนไม่หลับได้ อย่างไรก็ตาม การนอนไม่หลับระดับใดจึงจะเป็นโรคนอนไม่หลับ และจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร มาอ่านข้อมูลที่น่าสนใจต่อไปนี้กัน

ในทางการแพทย์แล้ว ภาวะนอนไม่หลับ มีลักษณะ 4 อย่าง ต่อไปนี้

  1. ต้องใช้เวลานานกว่าจะทำให้หลับ เช่น คนปกติใช้เวลา 10-15 นาที แต่ผู้ที่มีปัญหาโรคนอนไม่หลับจะใช้เวลามากกว่า 30 นาที
  2. หลับไม่สนิท เช่น หลังจากหลับไปประมาณครึ่งหรือ 1 ชั่วโมงก็จะสะดุ้งตื่น
  3. หลังจากตื่นกลางดึกแล้วจะไม่สามารถนอนหลับต่อได้ เช่น โดยปกติคนเราต้องนอนวันละ 8 ชั่วโมง หากนอนไปได้ 3-4 ชั่วโมงแล้วตื่นตาสว่างถึงเช้า ก็เข้าข่ายนี้
  4. รู้สึกอ่อนเพลียตลอดในช่วงกลางวัน แม้จะนอนมา 8-10 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังมีอาการหาวและเพลียอยู่ตลอดเวลา

หากอาการนอนไม่หลับที่กล่าวมาเป็นแบบเฉียบพลันชั่วคราวไม่กี่คืน อาจมาจากภาวะความเครียดหรือตื่นเต้น เช่น ต้องไปประชุมในวันรุ่งขึ้นกับผู้บริหารระดับสูง มีนัดพบกับลูกค้ารายสำคัญ หรืออาจเกิดจากเรื่องวิตกกังวลใจ เช่น การทะเลาะบาดหมางกับคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน แต่เมื่อสถานการณ์ผ่านพ้นไป ก็จะกลับมาหลับได้ปกติ

แต่หากอาการที่กล่าวมาเป็นอยู่ต่อเนื่องนานเป็นสัปดาห์ จะเข้าข่ายภาวะโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง ซึ่งมักเกิดจากการผิดปกติของการหลั่งสารเคมีในสมองในผู้ป่วยที่เป็นโรคเครียด โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรืออาจมาจากผลของการใช้ยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคซึมเศร้า ยารักษาความดันบางตัว ยาเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ยาแก้หวัดคัดจมูกบางตัว หรือการดื่มเครื่องดื่มกลุ่มชาและกาแฟซึ่งมีสารคาเฟอีนในปริมาณสูง ก็เป็นได้

หากมีปัญหานอนไม่หลับและกระทบต่อประสิทธิภาพ ทำให้ง่วงซึม ไม่มีพลังสมองคิดงานสร้างสรรค์ ขาดสมาธิในการทำงาน หรือทำงานผิดพลาดบ่อยกว่าปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจต้องใช้ยารักษาควบคู่กับการปรับเปลี่ยนสภาวะแวดล้อมในเวลานอนให้เหมาะสม เช่น การปิดผ้าม่านและหน้าต่างให้มืดสนิท และไม่มีเสียงดังรบกวนจากภายนอก การเปิดเพลงคลอเบา ๆ ขณะนอนหลับ เป็นต้น

นอกจากนี้ หากแพทย์พบว่าเกิดจากการใช้ยารักษาโรคประจำตัว ก็จะได้เปลี่ยนชนิดยาให้ หรือหากเกิดจากภาวะเครียดในการทำงาน ก็จะได้แนะนำให้ปรับเปลี่ยนงานที่มีความกดดันน้อยลง

อาการนอนไม่หลับเรื้อรังจัดเป็นโรคที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตและลดความสุขในชีวิตประจำวันได้ ผู้ที่มีปัญหานี้ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาลุกลาม ต้องรีบตรวจรักษา หาสาเหตุเพื่อแก้ไขให้ตรงจุด จะทำให้สุขภาพกายและใจกลับมาฟื้นตัวได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน