ฝุ่นพิษ pm 2.5 กลายเป็นเหตุการณ์ประจำปีร่วมกับสังคมไทยมา 2-3 ปีแล้ว และมักจะแวะเวียนมาในช่วงเวลาเดิม ๆ คือช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปี ทำเอาคนส่วนใหญ่ต้องโหลดแอปพลิเคชันตรวจวัดคุณภาพอากาศ อย่างแอปพลิเคชัน Air4thai มาไว้ใช้ตรวจค่าฝุ่นทุกวัน หรือไม่ก็หาซื้อเครื่องวัดคุณภาพอากาศโดยเฉพาะมาไว้ตรวจสอบให้มั่นใจ ทำเอาเครื่องฟอกอากาศ รวมไปถึงหน้ากากอนามัยชนิด N95 ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นจิ๋ว ขายดิบขายดี จนขาดตลาดเป็นช่วง ๆ ไม่ก็ราคาแพงจนหลายคนเดือดร้อน

หากคนไทยยังจำเป็นต้องอยู่กับฝุ่น pm 2.5 ต่อไปอีกหลาย ๆ ปี ก็จำเป็นต้องหาทางปรับตัวให้สามารถอยู่กับฝุ่นพิษให้ได้โดยไม่ตื่นตระหนก และหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นพิษสำรองไว้ในกรณีที่ไม่สามารถหาหน้ากากอนามัยชนิด N95 ได้ ในบางช่วงเวลา

วิธีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดท่ามกลางฝุ่น pm 2.5 ที่ไม่ควรมองข้าม

1. ปรับหน้ากากอนามัยธรรมดาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจนสามารถใช้ป้องกันฝุ่นจิ๋วได้เหมือนหน้ากาก N95 ด้วยการใช้กระดาษทิชชูซ้อน 2 แผ่นด้านใน วิธีนี้นอกจากจะช่วยกรองฝุ่นได้ใกล้เคียงกับหน้ากาก N95 แล้ว ยังช่วยประหยัดสตางค์ค่าหน้ากากไปได้เยอะเลยทีเดียว เนื่องจากหน้ากาก N95 มีราคาสูงกว่าหน้ากากอนามัยหลายเท่าตัว

2. เลี่ยงการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง เพื่อลดผลกระทบต่อ สุขภาพ โดยเลือกการออกกำลังกายในห้องที่ปิดมิดชิด หรือเลือกประเภทกีฬาที่ไม่ต้องเล่นกลางแจ้ง เช่น ตีแบดมินตันในโรงยิม, เล่นฟิตเนส หรือ​โยคะ เป็นต้น

3. ใช้น้ำเกลือล้างจมูกในช่วงที่มีค่าฝุ่นละอองสูง เพื่อที่น้ำเกลือจะได้ชะล้างฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ภายในจมูกออกไป

4. เลือกกินอาหารที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย โดยเฉพาะอาหารในกลุ่มผักและผลไม้ ซึ่งมีสารอาหารสำคัญเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายโดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกัน อาทิ

ตำลึง, ฟักทอง, ผักบุ้ง และมะละกอ ผักและผลไม้กลุ่มนี้ให้วิตามิน A และเบตาแคโรทีน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของภูมิต้านทานในร่างกายได้โดยตรง

ปลาทะเล เป็นอาหารกลุ่มที่ให้ โอเมก้า 3 สูง ซึ่งผลวิจัยระบุว่าสามารถลดผลกระทบให้กับร่างกายจากฝุ่นพิษ pm 2.5 ได้

บรอกโคลีและผักในกลุ่มกะหล่ำ มีสารซัลโฟราเฟน ซึ่งมีสรรพคุณในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้ดี

ผลไม้และผักใบเขียวต่าง ๆ ให้วิตามินซีและวิตามินอี กับร่างกาย ซึ่งจะช่วยต้านการอักเสบของร่างกาย และลดระดับอนุมูลอิสระในกลุ่มคนที่อยู่ท่ามกลางมลพิษได้เป็นอย่างดี

5. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ หรือไม่ต่ำกว่าวันละ 8-10 แก้ว

สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นตัวช่วยสำคัญ เพื่อให้ดำเนินชีวิตท่ามกลางสถานการณ์ฝุ่นพิษได้ ตราบที่เรายังไม่รู้ว่าฝุ่น pm2.5 จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน

วิธีเอาตัวรอดในการใช้ชีวิตกลางฝุ่นพิษ