Page 3 of 7

ชี้เป้า! อุปกรณ์ล้างจานที่ควรค่าแก่การลงทุน

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยประสบปัญหาคราบมันติดจานหรืออุปกรณ์ประกอบอาหารที่ไม่เพียงแต่สร้างความหงุดหงิดให้กับพ่อบ้าน แม่บ้าน แต่การล้างจานไม่สะอาดสามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น อาหารเป็นพิษจากเชื้อโรคหรือเชื้อแบคทีเรียที่ติดอยู่บนจานและทำให้ติดโรคหวัด เป็นต้น ซึ่งปัญหาในการล้างจานที่ทุกคนต้องเคยเจอ ได้แก่

ปัญหาฟองน้ำล้างจานสกปรก ฟองน้ำล้างจานที่ไม่สะอาดเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและยังทำให้เกิดคราบมันติดจานได้

อ่างล้างจานมีเชื้อรา อ่างล้างจานเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียชั้นดี เราจึงควรหมั่นทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพได้

คราบมันเกาะติดกล่องพลาสติก ปัญหานี้เป็นปัญหาที่น่าเบื่อมาก เพราะไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกถึงความไม่สะอาดแต่ยังทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์จนทำให้หลายคนต้องทิ้งกล่องพลาสติกเพื่อแก้ปัญหาเลยทีเดียว

เชื่อหรือไม่ว่า ปัญหาในการล้างจานที่ทุกคนเจอสามารถแก้ได้ด้วยการเลือกใช้อุปกรณ์การล้างจาน ดังนี้

Magic Sponge ฟองน้ำมหัศจรรย์สำหรับล้างจาน ฟองน้ำอันนี้เป็นแบบที่ผลิตจากเมลามีนที่นอกจากไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนภาชนะแต่ยังมีประสิทธิภาพในการล้างจานได้อย่างล้ำลึก สามารถขจัดคราบฝังแน่นอย่างคราบชา คราบกาแฟที่ติดแก้ว ได้สะอาดหมดจดแทบจะไม่ได้ออกแรงขัด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับน้ำยาล้างจานได้ ราคาประมาณ 29 บาท

SCOTCH-BRITE® Scrub Dots Heavy Duty ฟองน้ำล้างจานที่มีจุดเด่นเรื่องลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและไม่ทำให้ภาชนะเกิดริ้วรอย โดยฟองน้ำรุ่นนี้มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบใช้งานกับภาชนะทั่วไป (สีเขียว) และแบบใช้งานกับภาชนะเคลือบ (สีส้ม) โดยประสิทธิภาพในการทำความสะอาดภาชนะสามารถขจัดคราบมันต่าง ๆ ได้สะอาดหมดจดและลดปัญหาเศษอาหาร คราบมันติดฟองน้ำได้เป็นอย่างดี ราคาประมาณ 44 บาท

สก็อตช์ไบรต์ ฟองน้ำตาข่าย ใครที่ไม่ชอบฟองน้ำแข็ง ๆ แนะนำฟองน้ำรุ่นนี้เลย เพราะนอกจากจะให้สัมผัสนุ่มมือแต่ยังสามารถขจัดคราบภาชนะได้ดี ไม่ทำให้เกิดริ้วรอยบนภาชนะ ข้อดีสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ราคาประมาณ 16 บาท

สครับเบอร์โคล SCRUBBER CLOTH ผ้าล้างจานที่ได้รับการพูดถึงในกลุ่มงานบ้านอยู่บ่อย ๆ เพราะช่วยให้การล้างจานเป็นเรื่องง่ายและไม่ทำให้เกิดเชื้อรา คราบสกปรกติดผ้า สามารถใช้งานได้นานอย่างน้อย 6 เดือน ทำความสะอาดง่าย แห้งไว สามารถเลือกหน้าสัมผัสสำหรับล้างทำความสะอาดคราบทั่วไปและคราบฝังแน่นได้ เพราะมีทั้งด้านละเอียดและด้านตาข่าย ราคาประมาณ 95 บาท

พ่อบ้านแม่บ้านคนไหนที่มีปัญหาคราบฝังแน่นติดภาชนะ กลิ่นติดจาน หรือคราบสกปรกติดฟองน้ำล้างจ้านเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค 4 อุปกรณ์การล้างจานข้างบนคือตัวช่วยให้จานสะอาดได้ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น

Workation เทรนด์ใหม่มาแรงสำหรับคนเบื่อออฟฟิศ

เชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินคำว่า workation ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของชาวต่างชาติที่ต้องการมาทำงานและเที่ยวไปด้วย โดยคำนี้เกิดขึ้นพร้อมกับรูปแบบการทำงาน work form home ดังนั้นเราจะมาดูกันดีกว่าว่า workation เหมาะกับใครและข้อดีข้อเสียของการทำงานรูปแบบนี้มีอะไรบ้างมาดูกันเลย

คนจัดการตารางเวลาชีวิตได้ดี : ต้องเข้าใจก่อนว่า workation ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ เพราะผู้ทำงานด้วยวิธีนี้จะมีเรื่องงานและการท่องเที่ยวเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นคนที่เหมาะคือคนมีทักษะการบริหารชีวิตของตัวเองอย่างดี รู้ว่าเวลาใดควรทำงานและเวลาใดควรออกไปเที่ยว งาน workation ไม่มีการกำหนดเวลาเข้าออกงานเหมือนงานประจำ จึงต้องออกแบบตารางการทำงานที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองด้วย นอกจากนี้ระหว่างทำงานไม่ควรว่อกแว่กไปกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพราะเราจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ไม่คุ้นเคย เช่น เลือก workation ที่จังหวัดภูเก็ต เราจะพบเจอกับทะเลอันสวยงามและนักท่องเที่ยวรอบตัวที่ชวนให้ทำความรู้จัก งาน workation จึงใช้สมาธิในการทำงานระดับหนึ่งด้วย

รูปแบบของงาน : Workation จำเป็นต้องใช้ notebook และ wifi ที่อำนวยความสะดวกในการทำงาน เนื้องานจึงเหมาะกับการใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก เช่น งานฟรีแลนซ์รับเขียนบทความ งานตกแต่งรูปภาพ หรืองานบล็อกเกอร์เป็นต้น หากรูปแบบของการทำงานเป็นงานบริการหรืองานที่ต้องทำในออฟฟิศจึงไม่เหมาะสม นอกจากนี้สภาพแวดล้อมระหว่างที่เราทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญ การ workation ควรเลือกโรงแรมที่มีระดับซึ่งจะช่วยสนับสนุนเราระหว่างการทำงาน ได้แก่ มีสัญญาณ wifi แรง หรือมีโน้ตบุ้คสำรองเผื่อโน้ตบุ้คเสีย
และที่พักไม่ควรอยู่ในระหว่างการจัดงานเลี้ยงรับแขก หรือมีนักท่องเที่ยวพักผ่อนอยู่จำนวนมาก เพราะมีโอกาสเกิดเสียงดังรบกวนสมาธิในการทำงาน นอกจากนี้ผู้ที่ต้องการ workation จะหวังพึ่งพาบริการจากโรงแรมอย่างเดียวไม่ได้ เราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้น จึงควรพกพาอุปกรณ์สำรอง ที่ช่วยให้เตรียมพร้อมในการทำงานอยู่เสมอ เช่น พก wifi เคลื่อนที่ หรือนำ ipad ติดตัวไป

มองหาพลังชีวิตเพิ่ม : หลายคนเวลาทำงานไปนาน ๆ เริ่มเบื่อหน่ายกับสิ่งแวดล้อมในการทำงานต่างๆ เช่น งานไม่ท้าทาย เพื่อนร่วมงานไม่เป็นมิตร การเมืองในที่ทำงานแรง ทำให้เกิดภาวะ burn out ไปทำงานแต่ละครั้งเหมือนต้องไปสู้รบตบมืออยู่ตลอด นานเข้าก็หดหู่ ซึมเศร้า และอารมณ์แปรปรวนผิดปกติ workation จะช่วยเยียวยาจิตใจของเราให้ผ่องใสจากการเปลี่ยนสถานที่ทำงาน ไม่ต้องเจอหน้าคนที่ออฟฟิศสักระยะ ทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานดีขึ้น และมีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับงานอยู่ตลอด คนที่มีภาวะเครียดจากการทำงานควรมองหาโอกาสสำหรับ workation

อย่างไรก็ตามงาน workation ยังมีข้อเสียบางประการเช่น ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำงานเพิ่ม รวมทั้งไม่คุ้นชินต่อสถานที่ จึงควรเลือกสถานที่สำหรับ workation อันมีความน่าเชื่อถือเพื่อความปลอดภัยแก่ตัวเราเองด้วย

ทำงานอย่างไร ให้ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม

สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานอยู่ประจำโต๊ะตลอดเวลาหรือยืนทำงานตลอดเวลา เช่น พนักงานออฟฟิศ แคชเชียร์ หรืองานอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องทำงานอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงติดต่อกัน ก็อาจทำให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรมขึ้นได้

สาเหตุของการเกิดออฟฟิศซินโดรม

  1. ลักษณะการทำงาน นับว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว เช่น นั่งอยู่ที่ตลอดเวลา ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันทั้งวัน ทำงานในลักษณะยืนเป็นเวลานาน ๆ ไม่มีการผ่อนอิริยาบถ จนทำให้ร่างกายเกิดความเมื่อยล้ามากจนเกินไป
  2. สภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น อุปกรณ์ในการทำงานไม่เหมาะสม โต๊ะมีความต่ำหรือสูงเกินไปทำให้นั่งทำงานไม่สะดวก ทำงานในสถานที่แสงสว่างไม่เพียงพอทำให้ต้องเพ่งสายตามาก สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุเช่นกัน
  3. สภาพร่างกายที่ไม่พร้อม เช่น มีความเครียด มีโรคประจำตัว พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายไม่แข็งแรง ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรมได้

ลักษณะอาการของออฟฟิศซินโดรม

  1. ปวดเมื่อยตามร่างกาย จะมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ไหล่ คอ หลัง แขน ข้อมือ ขา อาการมีทั้งปวดเล็กน้อยไปจนถึงขาไปทั่วบริเวณและอาจเกิดการอักเสบรุนแรงของกล้ามเนื้อได้
  2. กล้ามเนื้ออ่อนแรง หากระบบประสาทถูกกดทับจะทำให้เกิดอาการชาที่ระบบประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
  3. อาการหูอื้อ ตาพร่า ตาแห้ง ตาไม่สู้แสงสว่าง น้ำตาไหล มึนงง ปวดศีรษะเรื้อรัง
  4. มีอาการนิ้วล็อกที่เกิดจากอาการอักเสบของเอ็นนิ้วมือทำให้เกิดพังผืด ไม่สามารถยืดหรือหดนิ้วได้ตามปกติ

การป้องกันการเกิดออฟฟิศซินโดรม

  1. หลีกเลี่ยงการนั่งทำงานเป็นระยะเวลานาน การยืนเป็นระยะเวลานาน ๆ ควรมีการเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างทำงานอยู่เสมออย่างน้อยทุก ๆ 1 ชั่วโมง เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พัก
  2. พักสายตาจากการมองจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะ หาแว่นตาที่สามารถกรองแสงจากจอคอมพิวเตอร์มาใช้ก็ช่วยถนอมสายตาได้ แต่ที่สำคัญเมื่อรู้สึกมีอาการสายตาล้า แสบตา ควรหยุดพักก่อน
  3. หากต้องนั่งทำงานที่โต๊ะตลอดเวลา ควรจัดโต๊ะทำงานให้มีความสูงเหมาะสมกับสรีระของตนเอง ปรับเก้าอี้ให้นั่งสบาย
  4. หากต้องทำงานที่ต้องยืนตลอดเวลา ควรเลือกสวมรองเท้าที่พื้นหนาและนุ่มสบาย เพื่อลดอาการปวดเท้า และควรหาเวลานั่งพักบ้างเพื่อป้องกันการอักเสบของกล้ามเนื้อ
  5. หมั่นออกกำลังกายบ้าง การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ไม่เกิดอาการเจ็บป่วยง่ายเมื่อต้องทำงานในระยะเวลาที่ยาวนาน

โรคออฟฟิศซินโดรมนั้นสามารถป้องกันได้ เพียงแค่เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานให้มีความเหมาะสม และควรหมั่นสังเกตอาการอยู่เสมอ หากร่างกายส่งสัญญาณว่าอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม ก็ควรที่จะดูแลสุขภาพของตนเองเสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่จะไม่ให้อาการเจ็บป่วยนั้นมาส่งผลต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของเราเอง

เคล็ด (ไม่) ลับ ระงับความโกรธของคุณแม่มือใหม่

เมื่อมีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นมาในบ้าน คุณแม่มือใหม่ก็จะได้พบกับประสบการณ์ด้านดีและด้านร้ายของมนุษย์ลูกไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งประสบการณ์ที่ดีอย่างพัฒนาการใหม่ ๆ เช่น การนั่ง การเดิน การคลาน การวิ่ง ฯลฯ ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทำให้คนเป็นแม่ประทับใจ ปลื้มปิติ แต่เมื่อถึงวัยกำลังซนทำให้คนเป็นแม่ต้องมีเรื่องให้โมโหปรี๊ดแตกได้เช่นกัน ซึ่งอารมณ์โกรธเป็นอารมณ์ที่รุนแรง หากปล่อยไว้อาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่คนเป็นแม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลังเป็นแน่

เคล็ดลับระงับความโกรธของคุณแม่มือใหม่ที่มีลูกวัยกำลังซน มีวิธีการง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกที่ คือ การ Take a break พักรบสักครู่ เริ่มต้นด้วยการที่คุณแม่และคุณลูกควรแยกห่างกันสักพัก โดยใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที เพื่อให้คุณแม่ใจเย็นลงและคุณลูกได้ทบทวนพฤติกรรมของตัวเอง โดยอาจใช้เวลาอยู่ในห้องเดียวกันแต่คนละมุมเพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ในระหว่างนั้นคุณแม่ควรหลับตา หายใจเข้า – ออกลึก ๆ หากมีน้ำเย็นให้จิบน้ำไปด้วยจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น นอกจากนี้หากใช้วิธีการปราบมนุษย์ลูกตัวร้ายเชิงบวกร่วมด้วยจะช่วยลดความซนของลูกตัวน้อยโดยไม่ก่อให้เกิดการขัดขวางพัฒนาการ ซึ่งมีวิธีการดังนี้

วิธีการปราบเด็กดื้อ เด็กซน เชิงบวก

  • หันหน้าเข้าหากัน เมื่อใช้เวลาพักรบเรียบร้อยให้คุณแม่กอดลูกเอาไว้แล้วพูดคุยกับลูกดี ๆ ว่าทำไมถึงไม่ควรทำพฤติกรรมดังกล่าว เช่น ลูกรื้อของกระจัดกระจาย, ลูกไม่ยอมทานข้าว, ลูกไม่ยอมอาบน้ำ เป็นต้น และบอกถึงผลที่จะตามมา
  • ช่วยกันแก้ปัญหา หลังจากพูดคุยกันด้วยเหตุผลเรียบร้อยแล้วให้คุณแม่ชวนคุณลูกแก้ปัญหาตรงหน้า เช่น ลูกรื้อข้าวของกระจัดกระจายให้ลูกช่วยแม่เก็บของให้เป็นระเบียบ, ลูกไม่ยอมทานข้าวเพราะมัวแต่เล่นให้คุณแม่แจ้งเตือนเวลาก่อนเปลี่ยนกิจกรรมทุกครั้งเพื่อให้ลูกได้เตรียมตัว เป็นต้น
  • ทำโทษเชิงบวก หากคุยกันไม่เข้าใจและช่วยกันแก้ปัญหาแล้วแต่ไม่ดีขึ้น ควรมีการทำโทษเชิงบวก เช่น งดกิจกรรมที่ลูกชอบเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หรือ 1 วัน, หากลูกไม่ยอมทานข้าวก็ไม่ต้องบังคับให้ลูกรับประทานมื้อถัดไป โดยในระหว่างมื้อจะต้องงดขนม งดนม เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ว่าหากไม่ได้ทานอาหารตามเวลาที่แม่บอกจะต้องรู้สึกหิวและไม่ได้ทานขนม เป็นต้น

การเลี้ยงลูกเชิงบวกเป็นวิธีการที่ต้องใช้ความอดทน หากเหตุการณ์ใดที่ทำให้คุณแม่รู้สึกโมโหจนทนไม่ไหว คุณแม่ควรหลบออกมาจากลูกสักระยะ โดยให้ลูกอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและรอก่อน แต่หากว่าคุณแม่รู้สึกว่ามีอาการซึมเศร้าร่วมด้วยควรรีบปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการ หรือโทร. 1323 (สายด่วนสุขภาพจิต) เพื่อขอรับคำปรึกษาและวิธีการจัดการกับอารมณ์โมโหเบื้องต้นได้

ซื้อรถมือหนึ่งหรือมือสองดีกว่ากัน ?

ในปัจจุบันใคร ๆ ต่างก็ต้องการซื้อรถเอาไว้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและยิ่งในช่วงที่โควิดระบาดก็จำเป็นต้องระมัดระวังการพบปะผู้คนมากขึ้น การซื้อรถใช้เป็นส่วนตัวจึงเป็นทางออกที่ดี เพื่อไม่ต้องไปเสี่ยงติดโรคจากการใช้รถสาธารณะร่วมกับคนอื่น แต่ทั้งนี้ในตลาดในท้องตลาดก็มีทั้งรถมือหนึ่งและมือสองให้คุณเลือกซื้อ จะมาดูกันว่าจะเลือกซื้อรถมือหนึ่งหรือมือสองนั้น แต่ละแบบมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้าง

การซื้อรถมือหนึ่ง

หมายถึง การซื้อรถจากศูนย์ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินสดหรือการผ่อนซื้อ ซึ่งจะเป็นรถที่ออกมาจากโรงงานสดใหม่ ไม่มีการใช้งานใด ๆ มาก่อน การที่เป็นรถสภาพใหม่เอี่ยมจึงมีโอกาสเกิดปัญหาน้อย อะไหล่ยังมีอายุนาน แล้วยังได้รับประกันชั้น 1 และฟรีค่าตกแต่งหรือได้ของแถมต่าง ๆ จากเซลล์เป็นมูลค่าที่สูงด้วย จึงเหมาะกับคนที่ต้องการภาพลักษณ์ว่ามีความสามารถในการซื้อรถมือหนึ่งป้ายแดงขับโฉบเฉี่ยวไปที่ต่าง ๆ ได้

อย่างไรก็ตาม ในด้านของข้อเสียนั้นก็มีด้วย เพราะคุณจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการซื้อรถมือสอง ยิ่งเป็นรถรุ่นที่ออกมาใหม่ ๆ ก็ยิ่งแพง และอาจมีปัญหาเชิงเทคนิคของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ยังไม่ค่อยมีผู้ใดรายงานหรือศึกษาวิธีการแก้ไขปัญหาเอาไว้ นอกจากนี้ เมื่อคิดจะขายรถเป็นรถมือสองในวันข้างหน้า ราคาก็จะตกลงไปเป็นจำนวนมาก

การซื้อรถมือสอง

ข้อดีของการซื้อรถมือสองที่สำคัญ คือ เมื่อรถคันนั้นถูกผ่านการใช้งานมาแล้ว ผู้ใช้คนเก่ามักแก้ไขปัญหาเพื่อการใช้งานไปแล้วบางส่วน และตกแต่งให้สวยงามต่าง ๆ มากกว่ารถออกใหม่ ทั้งภายนอก เช่น ใส่หลอดไฟเพิ่ม ติดคิ้ว ใส่สเกิร์ต ฯลฯ และภายใน เช่น ติดหน้าจอ Android เปลี่ยนเบาะใหม่ ติดกล้อง ฯลฯ และถ้าจะขายต่อเป็นรถมือ 3 หรือ 4 ราคาขายจะไม่ตกไปจากราคาตอนที่คุณซื้อมากนักด้วย

แต่ว่าข้อเสียของการใช้รถมือสองก็มี ที่สำคัญก็คือหากเป็นรถเก่าที่มีอายุหลายปีแล้วถูกผ่านการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน อุปกรณ์ก็จะเสื่อมและถึงเวลาที่ต้องหลังตรวจเช็ครับรถไม่นาน

แน่นอนว่าการซื้อรถมือสอง ไม่ได้เหมือนการซื้อเว็บ livescore7m มือสองมาทำต่อ เพราะเว็บไม่มีค่าเสื่อมสภาพ แต่รถมีการเสื่อมของอะไหล่ การเลือกซื้อรถมือหนึ่งหรือมือสองนั้น ขึ้นอยู่กับความสะดวกในด้านการเงิน ความรู้ในการเลือกรถที่เหมาะกับราคา การรู้จักกับช่างที่มีความสามารถซ่อมแซมชิ้นส่วนในราคาที่เหมาะสมหากไม่ใช้บริการศูนย์ หวังว่าบทความนี้จะทำให้คุณได้ข้อคิดที่ดีไปตัดสินใจในการซื้อรถมือ 1 และมือ 2 ได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น

เทรนด์การทำงานทางไกลในร้านกาแฟดีอย่างไร

เมื่อร้านกาแฟกลายเป็นออฟฟิศนอกสถานที่ยอดฮิตในของคนทำงานอิสระยุคทำงานทางไกล  ไม่ใช่เพราะมี Wi-Fi ให้ใช้ทั้งแบบฟรีและคิดค่าบริการรายชั่วโมงเท่านั้น ลูกค้ายังได้รับความสะดวกสบายในบรรยากาศดี ๆ ช่วยให้คิดงานได้ไหลลื่นในร้านกาแฟสมัยใหม่ ข้อดีของการเลือกทำงานในร้านกาแฟมีอะไรบ้างมาดูกัน

1.ทำงานไปด้วยได้จิบเครื่องดื่มแก้วโปรดไปด้วย ได้เติมพลังและผ่อนคลายความเครียดระหว่างคิดงานไปด้วย ต้องยอมรับว่ากาแฟในร้านมีกลิ่นหอมละเมียดละไม ลิ้มรสชาติในแบบที่ชอบอร่อยกว่ากาแฟชงเอง ไม่ว่าจะเอสเปรสโซ คาปูชิโน มอคค่า อเมริกาโน่ ลาเต้ หรือแม้แต่ของว่างอื่น ๆ ความสุขในการจิบกาแฟส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ

2.ทำเลร้านกาแฟที่นั่งสบายมีบรรยากาศดีช่วยให้การทำงานในร้านกาแฟง่ายขึ้น ทุกวันนี้มีร้านกาแฟให้เลือกมากมาย ลองเลือกสถานที่ที่เงียบสงบ คนน้อยไม่วุ่นวาย ไม่มีสิ่งรบกวนรอบตัว เป็นบรรยากาศที่เหมาะกับการทำงาน ร้านกาแฟที่มีโต๊ะเพียงพอที่จะนั่งได้นานเป็นตัวเลือกดีที่สุดสำหรับการคิดงานนาน ๆ แต่จำนวนลูกค้าก็มากตามไปด้วย อาจต้องใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันไม่ให้เสียงคนพูดคุยอยู่ใกล้ ๆ รบกวนสมาธิ ลดความฟุ้งซ่าน และจดจ่อกับงานที่ทำอยู่ได้มากขึ้น

3.ร้านกาแฟหลายแห่งสร้างพื้นที่ทำงานให้กับคอกาแฟโดยเฉพาะ บริการสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ทำงานได้สะดวกไม่ต่างจากออฟฟิศ มีทั้งปลั๊กไฟ Wi-Fi สาธารณะ หรือแม้แต่ห้องประชุม อย่างไรก็ตาม บริการ Wi-Fi สาธารณะฟรีในร้านกาแฟเป็นประโยชน์สำหรับการทำงานทางไกล แต่ไม่ปลอดภัยเสมอไป ระหว่างเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัยของร้านกาแฟควรเข้ารหัสเพื่อไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเจาะข้อมูลนำไปแสวงหาผลประโยชน์ อย่าลืมอัปเดทซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสสม่ำเสมอ

4.ร้านกาแฟที่ให้ใช้ Wi-Fi ฟรีเมื่อซื้อกาแฟแล้วได้รหัสผ่านใช้อินเทอร์เน็ตที่อยู่ท้ายใบเสร็จ ลูกค้าอาจต้องซื้อกาแฟทุก 1-2 ชั่วโมง ถ้าไม่อยากมึนคาเฟอีนอาจเปลี่ยนเป็นขนมเค้กหรือของว่างอื่น ๆ แทน ช่วยเติมพลังงานทำให้ไม่รู้สึกหิวและทำงานได้นาน แต่การนั่งทำงานนานหลายชั่วโมงไม่ดีต่อสุขภาพ ควรหยุดพักทำงานภายใน 2-3 ชั่วโมง ร้านกาแฟเล็ก ๆ ส่วนใหญ่ไม่ชอบลูกค้าที่นั่งนานเกินไปด้วย

5.ระหว่างทำงานหลายคนชอบฟังเพลงคลอไปด้วยทำให้อารมณ์ดี เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ ควรสร้างเพลย์ลิสต์สำหรับฟังเพลงระหว่างทำงาน ถ้าเป็นงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์จะเปิดเพลงร็อกฟังบ้างก็ได้ แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องการสมาธิแนะนำให้เลือกฟังดนตรีคลาสสิก แจ๊ส หรือเพลงป็อบ ทำให้อารมณ์ดีและมีสมาธิกับงานด้วย

คำแนะนำสำหรับคนที่เข้าไปนั่งทำงานอยู่ในร้านกาแฟ คุณควรเป็นลูกค้าที่ดี มีมารยาทและความเห็นอกเห็นใจทางร้าน อุดหนุนเครื่องดื่ม อาหาร และซื้อของจากร้านกาแฟเพื่อให้ทางร้านมีรายได้และอยู่ได้ ดูแลความสะอาดไม่ทำโต๊ะรกหรือคุยโทรศัพท์เสียงดัง ถ้าเป็นไปได้ควรให้ทิปพนักงานที่เอาใจใส่คุณเป็นอย่างดี เพื่อให้ทางร้านยินดีต้อนรับเมื่อคุณกลับมาใช้บริการอีกครั้ง

Phishing หลงกลโดนตกข้อมูล

หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “Phishing” มาบ้างแล้ว Phishing เป็นการปลอมแปลงเพื่อมีวัตถุประสงค์ขโมยข้อมูลทั้งข้อมูลส่วนตัว, ข้อมูลทางการเงิน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เพื่อหลอกเงินจากเหยื่อนั่นเอง!

กลโกงของ Phishing

พบในรูปแบบ SMS มาพร้อมกับแนบ Link ให้กดเพื่อนำไปสู่เว็บไซต์ปลอม หรือ ให้โทรกลับไปตามเบอร์ที่ให้ไว้ ส่วนอีกวิธีที่นิยมก็คือโทรศัพท์เข้ามือถือของเหยื่อ แอบอ้างเป็น Bank, ตำรวจ, กรมสรรพากร ฯลฯ เพื่อให้เหยื่อตายใจหลงกล

วิธีการดูเว็บไซต์ปลอม

Phishing มักมาพร้อมลิงก์ไปสู่เว็บไซต์ปลอม แล้วดูอย่างไรบ้างว่าเป็นเว็บไซต์ปลอม 

1. ให้ดูที่ URL และชื่อผู้ส่ง ที่อยู่ตรงมุมซ้ายด้านบนของจอ, โดยให้คลิกไปที่ชื่อผู้ส่ง มันจะมีความขัดแย้งกันอยู่ แม้ว่าจะมีการนำชื่อของเว็บไซต์ที่เรารู้จักเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม

2. ดูชื่ออีเมล์หรือเนื้อหา เช่นเดียวกับชื่อผู้ส่งที่มักจะมีความขัดแย้งจนไม่ยากที่จะสังเกต บ่อยครั้งที่มีการขอข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรเครดิต ฯลฯ  ที่พบบ่อยคือมีการเร่งรัดให้รีบดำเนินการ หรือ มีข้อความในเชิงข่มขู่  และคำขึ้นต้น/ทักทายจะใช้ เรียน ผู้ใช้บริการ, สวัสดีคุณลูกค้า  เป็นการเรียกแบบกว้าง ๆ ซึ่งถ้าเมล์,ข้อความนั้นถูกส่งมาจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ หรือหน่วยงานจริง ๆ ก็มักจะมีการระบุชื่อของเราลงไปเลย ลองสังเกตเมล์แจ้งเตือนที่มาจากธนาคาร จะมีชื่อของเราปรากฏอยู่ด้วยในคำขึ้นต้น 

3. ดูลิงก์หรือไฟล์แนบที่น่าสงสัย ที่อาจซุกซ่อนอยู่ในหน้าเพจ, ในรูปภาพ วิธีเช็กสอบง่าย ๆ คือ เลื่อนเมาส์ไปบนหน้าเพจ ลิงก์ที่ซ่อนไว้จะปรากฎให้เราได้เช็กสอบในเบื้องต้น  ให้เช็กสอบแต่อย่ากดหรือคลิกลงไป ถ้าให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็เช่น ใน Wikipedia จะมีลิงก์อยู่ทั้งในภาพและข้อความเพื่อนำไปสู่แหล่งอ้างอิงข้อมูล ถ้าเราเลื่อนเมาส์ไปตรงนั้นก็จะเห็นลิงก์ปรากฎขึ้นมา

4. ดูข้อความแจ้งเตือน กรณีที่เราใช้เมล์ที่องค์กรของเราอนุญาต ก็จะมีระบบตรวจสอบเบื้องต้นและเด้งข้อความแจ้งเตือนขึ้นมา เราจึงควรใส่ใจกับข้อความแจ้งเตือนแบบนี้ด้วย เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยสกรีนเบื้องต้นให้กับเราแล้ว 

วิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ Phishing ได้อย่างไร 

เมื่อเราได้รับ SMS ที่น่าสงสัย ห้ามคลิกลิงก์ที่แนบมาด้วย ไม่โทรกลับไปตามเบอร์ที่ให้ไว้ ในกรณีได้รับเมล์ที่น่าสงสัย ถ้าเราไม่รู้จักผู้ส่งก็ไม่ควรเปิดไฟล์ที่แนบมากับเมล์  ถ้าสงสัยไม่แน่ใจหรือกังวลใจ ให้ติดต่อหน่วยงานนั้นโดยตรงและที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือการลงทะเบียนหรือแจ้งข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน กลับไป

พึงจำให้ขึ้นใจหน่วยงานที่น่าเชื่อถือจะไม่มีการร้องขอข้อมูลส่วนตัวผ่านทางเว็บไซต์หรือโทรศัพท์โดยเด็ดขาดและถ้าเราไม่มั่นใจก็ควรติดต่อหน่วยงานนั้นโดยตรงเพื่อเช็คสอบ หรือเบอร์ Call Center ทางการ ไม่ใช่ตามเบอร์ที่แนบมา  เพียงเท่านี้เราจะปลอดภัยจากการตกเป็นเหยื่อ “Phishing” แล้ว

เคล็ดลับสุขภาพดี กินอาหารอย่างไรให้สมดุล

อยากมีสุขภาพดีกุญแจสำคัญอยู่ที่การรับประทานอาหารหลากหลายประเภทและกินปริมาณเหมาะสมทำให้ได้รับสารอาหารอย่างสมดุล ครบถ้วนทั้งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ปลา ไข่ และถั่ว อาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง รวมถึงผักและผลไม้ที่อุดมวิตามิน แร่ธาตุ และกากใยอาหารช่วยในการขับถ่าย เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ใช้ได้ผลช่วยดูแลสุขภาพดีได้ง่ายขึ้น

กินอาหารแบบสมดุล ไม่งดคาร์โบไฮเดรต
แป้งหรือคาร์โบไฮเดรตเป็นอาหารหลักในสารอาหาร 5 หมู่ แป้งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญซึ่งควรมีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของอาหารมื้อหลักแต่ละมื้อ แนะนำให้เลือกแป้งที่ทำจากธัญพืชไม่ขัดสีซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินอี ไม่ว่าจะเป็นข้าว ขนมปัง พาสต้า หรือซีเรียล หลายคนอาจกังวลว่ากินแป้งแล้วจะอ้วน แนะนำให้เลือกซีเรียลแบบโฮลเกรนที่มีไฟเบอร์สูงเป็นอาหารเช้า แซนด์วิชสำหรับมื้อกลางวัน ส่วนอาหารเย็นเป็นก๋วยเตี๋ยว พาสต้าหรือข้าวกล้องก็ได้

กินปลามากขึ้น
เหตุผลที่ควรกินปลาและน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมเพราะเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม ปลาบางชนิดมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยให้หัวใจของเราแข็งแรง ทั้งเช่น ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาเทราท์ ปลาซาร์ดีน ปลาไหล ส่วนปลาที่มีไขมันน้อยคือปลาทูน่า นอกจากนี้เนื้อปลายังอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ปลาสดเป็นตัวเลือกดีที่สุด ส่วนปลากระป๋องและปลาที่ผ่านการถนอมอาหารมักจะมีเกลือปริมาณมาก พยายามเลือกกินปลาหลากหลายประเภทและระมัดระวังปลาที่เสี่ยงมีสารปรอทปนเปื้อน

กินผักและผลไม้มากขึ้น
คนส่วนใหญ่กินผักผลไม้ไม่เพียงพอ พยายามกินผักและผลไม้หลากหลายชนิดในแต่ละวัน ถ้าจะให้ง่ายมากขึ้น ลองเพิ่มน้ำผลไม้ 1 แก้ว และกล้วยหั่นเป็นแว่นสำหรับมื้อเช้า เพิ่มสลัดในมื้อกลางวัน เพิ่มแอปเปิลหรือสาลี่เป็นอาหารว่างยามบ่าย มื้อเย็นเพิ่มผัดผัดหรือแกงจืดอีกสักอย่าง ถ้าไม่สะดวกรับประทานผลไม้สด ใช้ผลไม้กระป๋อง ผลไม้อบแห้งหรือน้ำผลไม้คั้นก็ได้ แต่ไม่ใช่มันฝรั่งทอดเพราะนับเป็นอาหารประเภทแป้ง ไม่ใช่ผักผลไม้

ศึกษาเรื่องไขมันอิ่มตัวและไขมันไม่อิ่มตัว
ไขมันเป็นสารอาหารจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ถ้าอยากให้มีสุขภาพดีควรเลือกรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวและหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว หลายคนไม่แน่ใจว่าไขมันทั้งสองชนิดแตกต่างกันอย่างไร มาดูกันเลย

  • ไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันโคเลสเตอรอล ไขมันไตรกลีเซอไรด์ พบในอาหารประเภทไขมันสัตว์ ไขมันจากกะทิ เนย และไข่แดง จะสะสมในร่างกายทำให้เกิดโรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ จำเป็นต้องบริโภคแต่จำกัดปริมาณไม่มากเกินไป
  • ไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด พบได้ในน้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันงา น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันทานตะวัน ปลาทะเล ถั่ว และเมล็ดธัญพืช

แนะนำให้ลดอาหารประเภท ไส้กรอก เนื้อสัตว์ติดมัน เนยแข็ง น้ำมันหมู เค้กและบิสกิต กะทิ และน้ำมันปาล์ม ขณะเดียวกันควรลดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และดื่มน้ำอัดลมน้อยลงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ

โรคที่ต้องระวังในช่วงตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง

ช่วงตั้งครรภ์เป็นภาวะพิเศษของร่างกายที่คุณแม่จะมีความอ่อนแอเสี่ยงต่อโรคหลายชนิด ทั้งมีความผันผวนของระบบฮอร์โมน ช่วงที่ตั้งครรภ์ 9 เดือนจึงเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ผู้หญิงต้องดูแลสุขภาพตัวเอง ให้ห่างไกลจากหลายโรค ทั้งที่มาจากการติดเชื้อและโรคเรื้อรังบางอย่าง อันอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก ดังนี้

1.โรคเบาหวาน
คุณแม่หลายคนมีภาวะเบาหวานเกิดขึ้นในช่วงเวลาตั้งครรภ์ ซึ่งต้องระมัดระวังและหมั่นเจาะเลือดตรวจเป็นระยะตามแพทย์นัด เพราะการมีน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติต่อเนื่องจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กในท้องและหลังคลอดได้

2.การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
เมื่อมดลูกขยายขนาดใหญ่ขึ้นจากเด็กที่อายุครรภ์มากขึ้น จะทำให้เกิดแรงกดต่อกระเพาะปัสสาวะ และหากมีพฤติกรรมกลั้นปัสสาวะอยู่เสมอด้วย ก็จะเกิดการติดเชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น คุณแม่ตั้งครรภ์จึงต้องคอยดื่มน้ำเป็นระยะและห้ามกลั้นปัสสาวะ เพื่อลดความจำเป็นในการกินยาฆ่าเชื้อ อันควรหลีกเลี่ยงในระหว่างการตั้งครรภ์

3.โรคโลหิตจาง
ในระหว่างการตั้งครรภ์ผู้หญิง ลูกในท้องจะมีการใช้ทรัพยากรภายในร่างกายของแม่ เช่น เลือด สารน้ำ โปรตีน ฯลฯ หากบำรุงร่างกายไม่เพียงพอ การรับประทานโปรตีน ผัก ผลไม้ น้อยเกินไป จะทำให้มีอาการของภาวะเลือดจางได้ อาทิ เวียนหัว หน้ามืด เม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ ซึ่งต้องชดเชยด้วยการเสริมธาตุเหล็กและการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น เลือดหมู ไข่แดง ฯลฯ

4.ภาวะแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้องมักเป็นเฉพาะในช่วงระยะ 2-3 เดือนแรก หลังจากนั้นจะทุเลาลง แต่มีหลายคนที่มีอาการแพ้ท้องจนคลอด จึงรับประทานอาหารได้น้อยกว่าปกติ สารอาหารที่ได้รับจึงไม่เพียงพอต่อพัฒนาการของลูก เมื่อเด็กมีน้ำหนักน้อยจะสัมพันธ์ต่อความเสี่ยงเสียชีวิตได้มากขึ้น

5.ความดันโลหิตสูง
เนื่องจากระบบการไหลเวียนของเลือดจะมีการเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมต้องสูบฉีดเลือดจากหัวใจไปเลี้ยงที่แม่คนเดียว กลายเป็นต้องเลี้ยงทั้งสองชีวิต คือ แม่และเด็กในท้อง ดังนั้นภาวะความดันโลหิตสูงและความผิดปกติของหัวใจจึงพบได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ ทางที่ดีควรพบแพทย์เป็นประจำตามนัดเพื่อตรวจพบความผิดปกติอย่างรวดเร็วและรับการรักษาได้ทันท่วงที

6.โรคซึมเศร้า
คุณแม่หลายคนมีภาวะซึมเศร้าในช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด ซึ่งต้องอาศัยความสัมพันธ์ภายในครอบครัวช่วยเหลือกันและทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผ่อนคลายภาวะอารมณ์ที่ตึงเครียด โดยเฉพาะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือคุณแม่ที่ต้องทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อโรคนี้มากขึ้น

ก่อนการตั้งครรภ์ เราควรเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันและสังเกตอาการของโรคต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นในระยะตั้งครรภ์ และเมื่อตั้งครรภ์แล้วก็ควรหมั่นตรวจร่างกายเพื่อพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้จัดการกับโรคที่กล่าวมาได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว

บอกต่อข้อดี 5 ประการของการฝึกใจที่ได้ประโยชน์ต่อการทำงาน

ความสำคัญในชีวิตของคนเรา นอกจากเรื่องของการให้เวลากับครอบครัวแล้วก็ยังมีเรื่องของการทำงานที่สำคัญเช่นเดียวกัน ดังคำพูดที่ฮิตติดหูกันในยุคดิจิตอลนี้ว่าการบาลานซ์ชีวิตที่ดีที่สุดคือการทำให้เรื่องส่วนตัวและเรื่องงานสมดุลกัน หรือก็คือทำให้มี Work and Life Balance ที่ดีนั่นเอง และเครื่องมือหนึ่งที่ทุกคนสามารถปรับใช้กับชีวิตเพื่อให้มี Work and Life Balance ที่ดีได้คือการฝึกใจและสมาธิในที่ทำงาน วันนี้เราจะมาบอกประโยชน์ของการฝึกใจและสมาธิในที่ทำงานเพื่อจะได้รักษาสมดุลให้ตัวเองและครอบครัวได้กัน

ความสำคัญอย่างหนึ่งของคนเราที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตามที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ได้นั้นคือความสามารถในการบริหารวิธีคิดหรือฝึกใจให้มีสมาธิในการจัดการชิ้นงานในแต่ละวันที่ได้รับมอบหมายได้ เนื่องจากการบริหารวิธีคิดหรือฝึกใจนั้นมีส่วนช่วยให้คนเราสามารถจัดลำดับความสำคัญของงาน รู้จักการวางแผนการทำงาน ตลอดจนปลุกไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและทำสำเร็จได้รวดเร็วขึ้นได้ ดังนั้นการฝึกใจจึงมีประโยชน์ต่อการทำงาน ดังนี้

1.ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์หรือแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการทำงาน ความหมายคือเมื่อจิตใจเราสงบบวกกับสามารถจัดเรียงความคิดหรือจินตนาการในสมองให้เป็นระเบียบ เป็นขั้นตอนหรือเป็นระบบได้ ก็จะเกิดเป็นแนวความคิดใหม่ หรือความสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน

2.การฝึกใจช่วยให้สมองเฉียบคมขึ้น รวมถึงสามารถจัดระเบียบการทำงานให้สำเร็จไปทีละอย่างได้ เนื่องจากในวันหนึ่ง ๆ เราต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานหลายฝ่าย การฝึกใจจะช่วยให้เรามีสมาธิในการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ขณะเดียวกันก็หันกลับมาสานงานต่อได้ทันที

3.การฝึกใจคือเครื่องมือช่วยคลายความเครียด สังคมทุกวันนี้มีข่าวคราวหรือเรื่องราวต่างๆ เข้ามาสร้างความเครียดให้กับเรามากมาย ไหนจะเรื่องโควิด-19 ไหนจะเรื่อง Work from home ที่ต้องประชุมแทบทั้งวัน ยังมีการต้องจัดระเบียบการเรียนออนไลน์ให้ลูก ๆ อีก การฝึกใจจึงเป็นหนทางที่ช่วยทำให้มีสติและสมาธิในการจัดการทุกสิ่งอย่างที่เข้ามาในเวลาเดียวกันได้อย่างเป็นระบบ

4.ช่วยให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ความคิดที่ฟุ้งซ่านนอกจากช่วยทำให้เครียดมากขึ้น ยังช่วยเพิ่มแรงกดดันในชีวิตได้อีก การฝึกใจจึงเป็นตัวช่วยในการบริหารวิธีคิด คือการช่วยให้เราสามารถควบคุมความคิดและจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ดี

5.ช่วยให้มีความคิดบวก ความคิดบวกถือเป็นพลังงานชนิดหนึ่งในร่างกายที่นอกจากช่วยยกระดับจิตใจ ยังช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายในสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ ซึ่งแน่นอนว่าดีกว่าพลังงานลบเป็นไหน ๆ

ในชีวิตของคนเรามีเรื่องให้เครียด หรือทำให้สภาวะจิตใจแย่ลงทุกวันมากพออยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อให้สภาพจิตใจดีจนก่อเกิดเป็นพลังงานบวกในร่างกาย จงใช้การฝึกใจเป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้คนเราสามารถมี Work and Life Balance ที่ดีกันเถอะ

« Older posts Newer posts »